ชวนรู้จักเทคโนโลยี GPS tracking

ระบบ GPS tracking เป็นเทคโนโลยีเพื่อการรับส่งสัญญาณสำหรับติดตามตำแหน่งของวัตถุต่าง ๆ โดยสัญญาณ GPS จะมาจากดาวเทียมนอกโลกที่ส่งข้อมูลเข้ามายังสถานีแปลข้อมูล แล้วส่งสัญญาณมาที่เครื่องมือ GPS tracker ที่ติดตั้งไว้ เพื่อช่วยในการหาพิกัดได้อย่างถูกต้อง

โดยทั่วไป ผู้ใช้งานจะติดตั้งอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ GPS หรือที่เรียกว่า GPS Tracker ที่รถยนต์ส่วนตัว รถบรรทุก กล่องพัสดุ ฯลฯ เพื่อตรวจสอบตำแหน่งหรือรายละเอียดอื่น ๆ แบบเรียลไทม์ได้ โดยมีโอกาสที่ข้อมูลจะคลาดเคลื่อนไปเฉลี่ยในระยะไม่เกิน 100 เมตร ซึ่งจัดได้ว่ามีความแม่นยำค่อนข้างสูง ขึ้นกับตำแหน่งของการใช้อุปกรณ์รับส่งสัญญาณด้วย หากอยู่ในจุดอับสัญญาณก็จะมีผลต่อประสิทธิภาพของสัญญาณได้

ประโยชน์ของระบบ GPS Tracking

1. นอกจากการระบุพิกัดละติจูดลองจิจูดของยานพาหนะแล้ว การเชื่อมกับระบบไฟฟ้าของรถยนต์ ยังช่วยให้ทราบผลข้อมูลเชิงลึกผ่านระบบเซนเซอร์ได้ เช่น อุณหภูมิภายในระบบเครื่องยนต์ ค่าแรงดันไฟฟ้า ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ฯลฯ ทำให้เจ้าของธุรกิจด้านโลจิสติกส์หรือการขนส่งสินค้าได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดในการตรวจสอบด้านความปลอดภัยในการขับขี่รถขนส่งของพนักงาน และช่วยในการวางแผนการซ่อมบำรุงรถบรรทุกสินค้าได้ดีขึ้นด้วย

2. การที่ระบบ GPS tracking ช่วยในการตรวจสอบตำแหน่งของยานพาหนะได้ตลอดเวลา ทำให้เจ้าของกิจการสามารถสอดส่องพฤติกรรมการขับขี่รถบรรทุกของพนักงานขนส่งสินค้าได้ตลอดทั้งวัน แม้จะไม่ได้อยู่ในรถบรรทุกขนส่งนั้น ทั้งทำให้ทราบว่ามีการแวะจอดรถที่จุดใดบ้าง เป็นเวลานานเท่าใด มีการขนถ่ายสินค้าที่ใดบ้าง ในช่วงเวลาใด ทำให้สามารถประเมินศักยภาพในการทำงานของพนักงานขนส่งได้ดีขึ้น ควบคู่กับการวางแผนเรื่องเส้นทางและการบริหารเวลาจัดส่งสินค้าแต่ละจุดได้อย่างรัดกุมขึ้น

3. เป็นการป้องกันการกระทำทุจริตของพนักงานขนส่งสินค้า เช่น การจอดรถเพื่อแวะลักขโมยน้ำมันเชื้อเพลิงไปขายต่อ การขับรถของบริษัทไปทำธุระส่วนตัว การจอดรถพักเป็นเวลานานโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นต้น

4. กรณีที่ใช้กับรถบริการรับส่งบุคคลหรือ TAXI การติดตั้งเครื่อง GPS Tracker จะทำให้ลูกค้า รู้สึกปลอดภัย ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น

5. ช่วยในการวางแผนการเดินทาง โดยใช้วิเคราะห์สภาพถนน เพื่อการหลีกเลี่ยงเส้นทางการจราจรที่รถติด ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่ต้องเสียเวลาและสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไปโดยเปล่าประโยชน์ชวนรู้จักเทคโนโลยี GPS tracking

จะเห็นได้ว่าระบบ GPS tracking เป็นเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เหมาะทั้งกับการใช้งานทั้งในรถส่วนตัว รถรับส่งส่วนบุคคลหรือแท็กซี่ รถขนส่งสินค้าของบริษัท ฯลฯ ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการด้านเวลา เจ้าหน้าที่และทรัพยากร เช่น น้ำมัน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถลดต้นทุนได้มากยิ่งขึ้นด้วย

ความคืบหน้าของเทคโนโลยีในโทรศัพท์มือถือ

ปัจจุบันเทคโนโลยีในโทรศัพท์มือถือมีความก้าวหน้ามาก เทียบจากในอดีตที่เป็นยุค 1G ที่เป็นโทรศัพท์ขนาดใหญ่และราคาแพง ยุค 2G ที่มีการพิมพ์ข้อความสั้น ๆ ได้ ยุค 3G ที่มีการดูคลิปได้ ยุค 4G ที่มีการ ใช้ Streaming และเล่นเกมส์ได้

จนถึงยุค 5G ในปี 2019 ซึ่งจะมีการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถเข้ากับชีวิตประจำวันของคนทั่วโลกได้มากขึ้น ซึ่งได้รวบรวมเทคโนโลยีที่น่าสนใจในโทรศัพท์มือถือมาไว้ ดังนี้

1. เทคโนโลยี AR หรือ Augmented Reality เป็นการผสมภาพการ์ตูนต่าง ๆ เข้ากับสภาพแวดล้อมจริง ซึ่งนิยมมากในเกมเช่น เกมโปเกม่อน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการผลิตออกมาให้ผู้เล่นเกมอีสปอร์ตได้เล่นกันในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นด้วย

2. เทคโนโลยี IoTs หรือ Internet of Things ทำให้สามารถสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้จากโทรศัพท์มือถือ เช่น การสั่งให้เปิดปิด ตั้งอุณหภูมิ ของเครื่องปรับอากาศในบ้านหรือออฟฟิศ โดยที่อยู่นอกบ้าน การสั่งการเปิดปิดล็อคกุญแจประตูต่าง ๆ เป็นต้น

3. โทรศัพท์สามารถที่จะพับหน้าจอได้ โดยทำเป็นหน้าจอโอแอลอีดี (OLED) ที่จะบิดหรือพับได้ โดยที่ไม่ทำให้โทรศัพท์ได้รับความเสียหาย จึงเหมาะกับการขยายหน้าจอเพื่อเล่นเกม ดูหนังและพับจอกลับให้เป็นขนาดเล็กเมื่อไม่ได้ใช้งาน จึงทำให้เหมาะสำหรับการพกพาไม่ต่างจากมือถือแบบปกติ

4. สามารถใช้โทรศัพท์มือถือทำงานเป็นเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ได้เอง โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อื่น ๆ มาต่อ ทำให้ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นในการทำธุรกิจที่ต้องมีการออกบูธ การแสดงนำเสนอผลงาน การจัดอบรมประชุมต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นการขายได้ดีขึ้น ทำให้พร้อมแสดงข้อมูลของสินค้าหรือบริการให้ลูกค้าได้ชมพร้อม ๆ กันเป็น จำนวนมากได้ทุกที่ทุกเวลา

5. การแสดงผลแบบ Holograms หรือแบบภาพ 3 มิติ ทำให้สามารถผลิตผลงานแนวสร้างสรรค์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเหมาะกับธุรกิจแนวบันเทิงเกมหรืออีสปอร์ต ที่ต้องการดึงดูดความสนใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น ช่วยทำให้เกิดการเติบโตทางธุรกิจได้ดีขึ้น

6. การเพิ่มปริมาณหน่วยความจำ RAM จากเดิมประมาณ 12 GB เป็น 512 GB และ 1 TB ตามลำดับและมีการพัฒนาชิปเซ็ตของเครื่องที่มีความสามารถในการทำงานที่ดีมากขึ้น เพื่อช่วยในการประมวลผลที่รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาดาวน์โหลดข้อมูลมาก ซึ่งจะเหมาะกับการใช้งานในเครือข่ายมือถือแบบ 5G

จะเห็นได้ว่า ทั้งห้าข้อที่กล่าวมาข้างต้นเป็นความคืบหน้าที่เทคโนโลยีในโทรศัพท์มือถือทำได้มากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์ทั้งการทำงาน การทำธุรกิจ รวมถึงการบันเทิง เกม หรือ กีฬาอีสปอร์ต ที่มีแนวโน้มจะได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต

ความคืบหน้าของเทคโนโลยีในโทรศัพท์

ทำความรู้จักเทคโนโลยี 5G

เทคโนโลยี 5G ย่อมาจากคำว่า The 5th Generation ซึ่งหมายถึงรุ่นที่ 5 ของการสื่อสารด้วยมือถือ ที่จะมีการเชื่อมต่อของสิ่งต่าง ๆ ด้วยระบบเครือข่ายอัจฉริยะ Internet of Things หรือ IoTs ที่ฉับไวอย่างมาก (การสื่อสารรุ่น 1G สามารถใช้เฉพาะเสียงเท่านั้น 2G ใช้ได้ทั้งเสียงและส่งข้อความ 3G มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ 4G คือดูภาพฟังเสียงสื่อมัลติมีเดียได้) ซึ่งในไทย คาดว่าจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในปี 2020 (หลายประเทศพร้อมใช้ตั้งแต่ปี 2019)

ทำความรู้จักเทคโนโลยี

คุณสมบัติของเครือข่าย 5G

5G จะมีความแตกต่างจาก 4G ที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง เรามาดูกันเลย

1. มีความเร็วสูงสุด (Peak Data Rates) ที่ 20 Gbps เร็วมากกว่าการสื่อสารด้วย 4G เป็นพันเท่า

2. ระยะเวลาการเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้โทรศัพท์ต้นทางและปลายทาง (Latency) ต่ำกว่า 0.001 วินาที

3. มีความเสถียรในการใช้งานมากถึง 99.9999% โอกาสสายหลุดหรือสัญญาณไม่ชัดเจนน้อยลง

4. สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoTs ได้มากขึ้น โดยใช้พลังงานโดยใช้พลังงานในการเชื่อมต่อน้อยลงถึง 90%

ประโยชน์ของ 5G

โดยทั่วไป เราจะรู้ว่าการส่งผ่านข้อมูลผ่าน 5G จะไวขึ้น ทำให้เราใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว แต่นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อีกมากมายจาก 5G ได้แก่

1. เพิ่ม boardband หรือภาษาเทคนิคก็คือ Enhanced Mobile Broadband (eMBB) หมายถึง ทำให้ศักยภาพในการส่งผ่านข้อมูลสูงขึ้น ทุกคนสามารถที่จะใช้บริการสตรีมมิง (streaming) ที่มีความละเอียดสูงระดับ 4k (สูงกว่า HD) ได้ และยังสามารถทำงานบนคลาวด์ (cloud) ซึ่งเป็นแหล่งเก็บข้อมูลใหญ่ได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาดาวน์โหลดข้อมูลมากอย่างแต่ก่อน (โอกาสที่ภาพและเสียงจะกระตุกลดน้อยลง เมื่อเทียบกับ 4G)

2. สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อัจฉริยะ Internet of Things (IoTs) ได้ หรือ ภาษาเทคนิค คือ Massive Machine Type Communications (mMTC) ตัวอย่างเช่น การที่เราสามารถเชื่อมต่อกับรถยนต์เพื่อควบคุมการขับขี่ การเปิด-ปิดแอร์ เปิด-ปิดประตูบ้าน โทรทัศน์ ฯลฯ ได้สะดวก โดยทำผ่านมือถือ ไม่ต้องใช้ระบบ WiFi ซึ่งจะทำให้ชีวิตประจำวันของทุกคนง่ายดายและสะดวกยิ่งขึ้น

3. การเชื่อมต่อสั่งการ จะมีความเสถียรและฉับไว หรือ เรียกว่า Ultra-Reliable and Low Latency Communication (URLLC) การควบคุมอุปกรณ์จากระยะทางไกลจะไม่มีปัญหาการช้าของภาพและเสียง ตัวอย่างที่ใช้ในทางการแพทย์ เช่น ควบคุมการผ่าตัดที่ละเอียดและต้องแม่นยำ จากการดูผ่านหน้าจอมอนิเตอร์

5G ถือได้ว่ากำลังมีบทบาทและช่วยในการใช้ชีวิตประจำวันด้านต่าง ๆ ของทุกคนให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น และในส่วนของเครือข่ายมือถือของไทย ก็มีหลายค่ายที่มีคุณสมบัติรองรับเทคโนโลยี 5G ได้ (แต่ในส่วนของเครื่องโทรศัพท์ของแต่ละคน ต้องดูที่สเปคของเครื่องว่าระบบฮาร์ดแวร์รองรับการใช้งานหรือไม่ หากไม่รองรับก็ต้องเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ) จึงควรติดตามความคืบหน้าของเทคโนโลยี 5G อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวให้ทันสถานการณ์

ทำความรู้จักกับเทคโนโลยี-5G

กว่าจะ ถึงวันนี้ กับเทคโนโลยี AI

AI (Artificial Intelligence) หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นสิ่งที่มีพัฒนาการโดยมนุษย์มาต่อเนื่องหลายสิบปี ตั้งแต่การประสบความสำเร็จในการสร้างคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ เรื่อยมาจนถึงการมีมือถือ smartphone รุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นการแสดงให้เราเห็นได้ชัดเจนถึงความเติบโตอย่างก้าวกระโดดของวิทยาการทางคอมพิวเตอร์

กว่าจะ ถึงวันนี้ กับเทคโนโลยี

โดยในช่วงแรกของการสร้าง AI ให้ตอบสนองต่อคำสั่งของคนนั้น มีการเขียนโปรแกรมให้มีระบบการคิดคำนวณและมีการวางแผนสำหรับเล่นเกมส์หมากรุก ชื่อว่า Deep Blue ซึ่งผลปรากฏว่า เทคโนโลยี AI สามารถเอาชนะสถิติที่มีคนเคยเล่นเกมส์หมากรุกระดับโลกได้ สร้างความประทับใจและทำให้หลายคนเห็นความเป็นไปได้ในการต่อยอดธุรกิจจากเทคโนโลยีนี้

ในปัจจุบัน AI ถูกใช้ในการสื่อสารและเชื่อมโยงข้อมูลของมนุษย์จากหลากหลายมุมโลกเข้าด้วยกัน มีบริษัทชื่อดังระดับโลกอย่าง Microsoft , Google , Facebook , Line เป็นเจ้าครองตลาดใน e-commerce และมีขีดความสามารถสูงมากในการรวบรวม วิเคราะห์และสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อเป็นรากฐานของสังคม Big data ในอนาคตที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า

ในระยะหลัง การเติบโตของเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์โปรแกรมที่มีความสามารถในการตอบโต้กับคนเรามีมากขึ้น มีการสั่งงานผ่านรูปแบบเสียงมากขึ้น โดยในช่วงแรกเป็นระบบที่มีเฉพาะโทรศัพท์ไอโฟนอย่าง Siri ควบคู่ด้วย Google assistant ของค่ายกูเกิ้ล Cortana ของ Microsoft และ alexa จาก amazon ที่เชื่อได้ว่าจะมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดต่อไป

ในส่วนของการสนับสนุนการทำธุรกิจแบบออนไลน์ AI ถูกพัฒนาจนเป็นระบบ ROBOT ที่สามารถตอบคำถามและให้คำแนะนำแก่ลูกค้าขององค์กรต่าง ๆ ได้ โดยช่วยตอบคำถามทั่วไป หรืออยู่ในส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลลูกค้า หรือ customer service ในการบริการลูกค้าด้วยความรวดเร็วฉับไว เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ทำงานแทนคน

นอกจากการตอบสนองผ่านระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์แล้ว AI ยังมีบทบาทมากขึ้นในวงการรถยนต์ เนื่องจากมีการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่แบบไร้คนขับ ไม่จำเป็นต้องอาศัยการตัดสินใจและทัศนวิสัยของมนุษย์อีกต่อไป ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะเป็นการเปิดมิติใหม่แห่งวงการยานพาหนะทุกรูปแบบและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านนี้ให้รุดหน้าอย่างรวดเร็วด้วย

สำหรับความแม่นยำปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยี AI นั้น เรียกได้ว่ามีระบบการคิดคำนวณและประเมินผลอย่างแม่นยำ ยิ่งกว่ามนุษย์ที่มีขีดจำกัดทางสมองและมีความเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียได้จากการทำงานหลายชั่วโมง การใช้อุปกรณ์ด้าน AI จึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการลดความผิดพลาดหรือ error ในการทำงานของทุกวงการ ทำให้งานแต่ละอย่างสำเร็จ เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วขึ้น

กว่าจะ ถึงวันนี้

เราหวังว่าบทความนี้ จะทำให้ทุกท่านเห็นความสำคัญของการติดตามความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยี AI และเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต