
บริษัทใหญ่ IBM ได้กล่าวไว้ว่าในอนาคตข้างหน้า งานวิจัยเทคโนโลยีจะประสบความสำเร็จหลายชิ้น ทำให้คนทั่วไปได้มีการใช้งานจนเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินชีวิตเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาแนะนำ 5 เทคโนโลยีใหม่ในอนาคตให้คุณได้รู้จักกัน เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ดังต่อไปนี้
ประเภทที่ 1 เทคโนโลยีไฮเปอร์อิมเมจจิง
Hyperimaging หรือ เทคโนโลยีไฮเปอร์อิมเมจจิง ทำให้มองเห็นในสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น ปัจจุบันได้มีการใช้เอ็กซเรย์ เพื่อให้เห็นอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เมื่อมีความผิดปกติสามารถรักษาโรคได้ทัน แต่ถ้าเป็นเอ็กซ์เรย์กระเป๋าที่สนามบินจะเป็นการตรวจสอบวัตถุระเบิดและวัตถุแปลกปลอม
ในอนาคตเทคโนโลยีประเภทนี้ จะมีความก้าวหน้ามากกว่านี้ เนื่องจากเมื่อมีการติดที่รถก็จะสามารถตรวจสอบการจราจรและช่วยบอกระยะทางได้ว่ามีรถข้างหน้ากี่คัน มีสัตว์ข้ามถนนหรือไม่ในขณะที่ได้ขับรถที่อยู่ในสภาวะหมอกลงจัดหรือฝนตก ซึ่งเป็นสภาวะที่มองไม่เห็นวัตถุข้างหน้า ก็จะช่วยให้การขับรถมีความระมัดระวังมากขึ้น เป็นการป้องกันอุบัติเหตุจากการจราจร นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายภาพต่าง ๆ เช่น ภาพอาหาร ก็จะช่วยวิเคราะห์ได้ว่าอาหารมีคุณค่าทางโภชนาการมากน้อยเพียงใด หรือภาพเช็คธนาคารด้วยการนำมือถือไปถ่ายก็สามารถบอกได้ว่าเป็นเช็คจริงหรือเช็คปลอม เป็นต้น
ประเภทที่ 2 เทคโนโลยีสมาร์ทเซ็นเซอร์
Smart sensors หรือสมาร์ทเซ็นเซอร์ เป็นเทคโนโลยีที่มีขนาดเล็ก สามารถตรวจวัดก๊าซพิษต่าง ๆ ในธรรมชาติได้ โดยเฉพาะการพัฒนาการตรวจก๊าซมีเทนที่อาจจะรั่ว แล้วจะมีการรายงานผลแบบ REAL TIME เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดการรั่วไหลของก๊าซได้ทันที
ประเภทที่ 3 เทคโนโลยีมาโครสโคป
Macroscopes หรือ มาโครสโคป จะรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ เช่น การทำเกษตร ก็สามารถเก็บข้อมูลสภาพอากาศ อุณหภูมิ น้ำ ปริมาณน้ำฝนและระบบชลประทานว่ามีการผันน้ำมาที่แปลงปลูกมากน้อยเพียงใด หลังจากการวิเคราะห์เสร็จแล้วก็สามารถให้น้ำและปุ๋ยตามความต้องการของพืช เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีประเภทนี้ IBM เคยได้ทดลองกับไร่องุ่นแห่งหนึ่งประมาณ 5 ปีที่แล้ว จึงสามารถปรับการให้น้ำและปุ๋ย ทำให้ไร่องุ่นนั้นมีผลผลิตที่ดีมากและมีรสชาติอร่อย
ประเภทที่ 4 เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
Artificial Intelligence หรือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สามารถทราบสุขภาพจิตของแต่ละคน โดยตรวจสอบจากถ้อยคำเพียง 300 คำ ไม่ว่าจะเป็นการพูดแบบใช้เสียงโทนสูงหรือเสียงต่ำว่ามีความโกรธอยู่รึเปล่า หรืออาจจะใช้ถ้อยคำจากการเขียน จากนั้นส่งข้อมูลให้แพทย์ได้ทราบเพื่อนำมาวิเคราะห์ว่ามีปัญหาด้านสุขภาพจิตหรือไม่
นอกจากนี้ยังสามารถวิเคราะห์ผู้ป่วยพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ ออทิสติกหรือโรคสมาธิสั้น เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเก็บข้อมูลได้เอง ทำให้แพทย์นำข้อมูลมาช่วยวิเคราะห์ได้ว่าจะพัฒนาการอย่างไรในการใช้ยาเพื่อการรักษาได้ถูกทางและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ประเภทที่ 5 เทคโนโลยี Medical Labs “on a chip”
เทคโนโลยีประเภทนี้ในปัจจุบันยังใช้อยู่แต่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีความแตกต่างในอนาคตคือ จะมีขนาดเล็กกว่าและสามารถติดตัวไปได้ อาจจะฝังในตัวหรืออาจจะอยู่บนมือถือ เรียกว่า ห้องแล็บอยู่ในระดับชิป เพื่อติดตามค่าน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานว่าอยู่ในระดับสูงหรือไม่ และยังสามารถตรวจสอบค่าไขมันต่าง ๆ นอกจากนี้ยังตรวจสอบเชื้อโรคได้ด้วย
สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาก็จะทำให้เปลี่ยนแนวทางในการดำเนินชีวิตได้ เช่น โทรทัศน์ เพราะปัจจุบันคนดูรายการทีวีและละครผ่านมือถือ ทำให้โทรทัศน์หายากยิ่งขึ้น การโอนเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การซื้อก๋วยเตี๋ยวโดยใช้การสแกน QR โค้ดเพื่อจ่ายเงิน สิ่งนี้เริ่มเกิดขึ้นแล้วโดยเฉพาะในประเทศจีน และต่อไปก็จะมีหลายประเทศที่จะเป็นสังคมไร้เงินสด การจองตั๋วเครื่องบินด้วยตัวเองและเดินทางต่างประเทศโดยใช้ Google Maps ไม่ต้องอาศัยไกด์หรือบริษัททัวร์อีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีการใช้โปรแกรมแปลภาษาสื่อสารกับคนในชาตินั้น ๆ ได้อย่างสะดวกอีกด้วย