ปัจจุบันพ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่ทำงานหนัก จึงต้องเลี้ยงลูกโดยให้เทคโนโลยีเป็นพี่เลี้ยง เช่น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ ซึ่งทำให้เด็กและวัยรุ่นมีความเสี่ยงหลายอย่างมากขึ้น ซึ่งนักวิจัยได้เสนอแนะข้อที่ควรสังเกต และเตือนให้พ่อแม่ระมัดระวัง ดังนี้
1. การใช้หาข้อมูล
เด็กในวัยประถมจนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัย มี การใช้เทคโนโลยี เพื่อการหาข้อมูลเช่น การทำรายงาน การวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร เศรษฐกิจสังคมและการเมือง ซึ่งจะต่อยอดจากการเรียนในชั้นเรียนได้เป็นอย่างดี แต่ก็อาจมีบางรายที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อการคัดลอกบทความเพื่อมาส่งครูเอาคะแนน ถ้าผู้ปกครองและครูไม่ได้สังเกตก็จะไม่สามารถรู้ได้ว่าผลงานนั้นมาจากความคิดวิเคราะห์ของเด็กจริง ๆ หรือมาจากการคัดลอกจากแหล่งอื่น ซึ่งจะส่งผลระยะยาวให้พฤติกรรมเด็กและวัยรุ่นคนนั้น ๆ เป็นคนที่มักง่าย และทำอะไรเพียงเพื่อที่จะได้คะแนนโดยไม่สนใจเรื่องของคุณธรรม และไม่สามารถคิดวิเคราะห์สิ่งใด ๆ ได้ด้วยตัวเอง
2. เสริมประสบการณ์นอกตำรา
ประสบการณ์รูปแบบใหม่ ๆ เช่น AR VR ในเกมส์ หรือการออกแบบวิธีการเรียนรู้แบบภาพเสมือนจริงในศาสตร์ต่าง ๆ จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้เลียนแบบการทำงานจริง เพื่อค้นหาความถนัดตัวเองได้เร็วและง่ายขึ้น อีกทั้งยังทำให้เด็กสามารถต่อยอดการเรียนรู้สู่ชีวิตจริง เช่น เกมส์ที่สอนให้บริหารจัดการร้านอาหาร หากเด็กชอบ ผู้ปกครองอาจส่งเสริมให้เรียนคอร์สทำอาหารขนมหวาน ของคาวไทย-ฝรั่ง เพื่อก้าวสู่การเป็นเชฟมือทองต่อไป นับเป็นข้อดีของเทคโนโลยีรุ่นใหม่ทำให้เด็กและวัยรุ่นได้เรียนรู้ทักษะหลากหลาย และพบสิ่งแปลกใหม่มากกว่าการเรียนในชั้น ทำให้มีเรื่องพูดคุยกับเพื่อน เกิดปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้มากกว่าเด็กที่มุ่งแต่อ่านหนังสือ หรือเรียนจากห้องเรียนเพียงอย่างเดียว
3. ทำให้รู้จักผู้คนได้ทั่วโลก
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อออนไลน์ใน Facebook หรือ Instagram ทำให้เด็กและวัยรุ่นพบกับคนที่ไม่เคยรู้จักตัวตนกันจริง ๆ ง่ายขึ้นมาก แม้ว่าจะอยู่คนละซีกโลก ก็สามารถที่จะทำความรู้จักกันได้ 24 ชั่วโมง ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านของภาษาและวัฒนธรรมได้โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศด้วยซ้ำ ได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการสมัครคอร์สเรียนภาษาหรือการเดินทางไปต่างประเทศได้อย่างมาก แต่ก็ทำให้เสี่ยงต่อการถูกกลุ่มมิจฉาชีพล่อลวง ให้โอนเงินเพื่อเล่นพนันออนไลน์ หรือถ่ายภาพลามกอนาจาร ที่ตามมาด้วยการล่อลวงค้ามนุษย์ หรือการทำสิ่งผิดกฎหมายรูปแบบอื่น ๆ ได้ด้วย พ่อแม่จึงต้องคอยสังเกตพฤติกรรมลูกด้วย
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์ต่อเด็กและวัยรุ่นได้ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางที่จะทำให้เด็กทำความผิดโดยไม่ตั้งใจ หรืออาจจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพล่อลวงได้ ผู้ปกครองจึงต้องใส่ใจเด็กมากยิ่งขึ้นและเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีพร้อมกับบุตรหลานด้วย