จอห์น แมคคาร์ธี (John McCarthy) เป็นผู้บัญญัติคำว่า AI ที่ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์ เมื่อปี พ.ศ. 2499 โดยให้นิยามว่า “วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ที่สร้างความฉลาดให้กับเครื่องจักร”
AI เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องจักรมีความฉลาด สามารถคิด ตัดสินใจ และเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง AI ทำงานได้โดยการนำเข้าชุดของข้อมูลและเงื่อนไขเพื่อประมวลผลและสร้างผลลัพธ์ที่ต้องการนำมาใช้ประโยชน์ วัตถุประสงค์ของ AI คือการช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของมนุษย์ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความซับซ้อน และช่วยให้มนุษย์ตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
AI แบ่งเป็น 3 ระดับตามความสามารถในการทำงาน ได้แก่
1. ปัญญาประดิษฐ์เชิงแคบ (Artificial Narrow Intelligence; ANI) หรือเรียกว่า Weak AI เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่เราใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน เป็น AI ที่มีความสามารถเฉพาะทาง หรือจัดการได้เรื่องเดียว เช่น Siri ที่สามารถตอบคำถามง่าย ๆ ได้ Grammarly ที่ช่วยตรวจสอบคำและไวยากรณ์ Google ที่ใช้ค้นหาข้อมูล Netflix ที่แนะนำหนังหรือละครที่น่าสนใจ Grab ที่ใช้เรียกรถ เป็นต้น
2. ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial general intelligence; AGI) เป็น General AI เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเข้าใจเหตุผล สามารถคิดเองได้ วางแผนได้ และจัดการเรื่องที่มีความซับซ้อนได้ AGI จะใช้การทำงานของ ANI หลาย ๆ ตัวรวมกันเพื่อช่วยให้เหตุผลที่สอดคล้องสัมพันธ์กัน
3. ปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง (Artificial Super Intelligence; ASI) เป็น Strong AI นำเอา AGI หลาย ๆ ตัวมาทำงานร่วมกัน เพื่อให้มีความฉลาดเหนือมนุษย์ สามารถคิดคำนวณได้รวดเร็ว ตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผล และมีความรู้สึกนึกคิดด้วย
ปัจจุบัน AI ยังอยู่ในระดับ Weak AI คือ ANI ส่วน AGI และ ASI ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง
เทคโนโลยีสร้างความฉลาดของ AI ดังนี้
1. AI: Artificial Intelligence สามารถแก้ไขปัญหาจากชุดข้อมูลหรือชุดคำสั่งที่สร้างไว้ได้สำเร็จ
2. ML: Machine Learning เป็นกระบวนการที่ทำให้เครื่องจักรได้เรียนรู้ด้วยตัวเองโดยการใช้ข้อมูลจำนวนมากเพื่อให้เครื่องจักรทำความเข้าใจ ประมวลผล และตัดสินใจด้วยตัวเอง
3. DL: Deep Learning เป็นการเรียนรู้เชิงลึกโดยการเลียนแบบเครือข่ายประสาทของมนุษย์ มีการประมวลผลแบบขนานต่อกันหลาย ๆ ชั้น ต่อเนื่องกัน ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากหรือประมวลข้อมูลหลายส่วนพร้อม ๆ กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถึงแม้ AI จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสร้างความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจนเกิดความกังวลว่าอาจมาแทนที่มนุษย์ได้นั้นเป็นเรื่องของอนาคต เนื่องจากปัจจุบัน AI ยังอยู่ในระดับ Weak AI อย่างไรก็ตาม ยังมีงานที่ AI ยังไม่สามารถเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ได้ ตัวอย่างเช่น งานด้านความคิดสร้างสรรค์ที่มนุษย์มีความสามารถในการคิดได้หลากหลายรูปแบบจากสมองที่ความซับซ้อนมากกว่า AI งานตัดสินใจจากข้อมูลที่ AI ประมวลผลออกมาแล้ว และงานที่ติดต่อสัมพันธ์กับมนุษย์ ที่จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นและปรับให้เหมาะกับคนแต่ละคน เราจึงควรศึกษาเพื่อพัฒนาความสามารถในส่วนที่ AI ไม่สามารถเข้ามาทำแทนมนุษย์ได้และอยู่รอดได้ในโลกอนาคต