เทคโนโลยีใหม่ของรถTeslaในยุคปัจจุบัน

เทคโนโลยีใหม่บางส่วนที่มีอยู่ในรถยนต์ Tesla

1.Full Self-Driving (FSD) Beta เทคโนโลยีนี้ช่วยให้รถยนต์ Tesla สามารถขับเคลื่อนตัวเองได้ในทุกสภาวะ รวมถึงถนนในเมือง ป้ายหยุดรถ และสัญญาณไฟจราจร และการผสานเข้ากับทางหลวง มันยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบเบต้า แต่ก็มีการพัฒนาไปมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

2.Tesla Vision นี่คือระบบที่ใช้กล้องของ Tesla สำหรับการขับขี่ด้วยตนเอง ไม่ต้องอาศัยไลดาร์หรือเรดาร์ ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์อื่นๆ ที่ใช้กันทั่วไปในรถยนต์ไร้คนขับ Tesla Vision ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่มีศักยภาพที่จะเชื่อถือได้และปลอดภัยกว่าระบบที่ใช้ LIDAR หรือเรดาร์

3.Megachargers นี่คือเครื่องชาร์จพลังสูงรุ่นใหม่ของ Tesla ที่สามารถชาร์จรถยนต์ Tesla จาก 10% ถึง 80% ในเวลาเพียง 15 นาที ขณะนี้พวกเขากำลังได้รับการติดตั้งในสถานที่บางแห่งทั่วโลก

4.หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ นี่คือระบบหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ของ Tesla ที่สามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในบ้านหรือรถยนต์ของคุณได้ มันยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการพัฒนา แต่ก็มีศักยภาพที่จะทำให้พลังงานแสงอาทิตย์เข้าถึงได้มากขึ้นและราคาไม่แพง

5.Tesla Bot นี่คือหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ของ Tesla ที่ออกแบบมาเพื่อทำงานที่ไม่ปลอดภัย ซ้ำซาก หรือน่าเบื่อ มันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา แต่ก็มีศักยภาพที่จะปฏิวัติวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตของเรา

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีใหม่ที่มีอยู่ในรถยนต์ Tesla Tesla คิดค้นและพัฒนาวิธีการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้รถยนต์มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยยิ่งขึ้น และเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น

ทำให้รถ Tesla ตีตลาดได้มากขึ้น

-ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานที่สะอาดและหมุนเวียนได้ รถยนต์ Tesla ไม่ปล่อยมลพิษ ซึ่งช่วยลดมลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

-รถยนต์ Tesla มีประสิทธิภาพมาก สามารถเดินทางได้ไกลถึง 300-500 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหลายคัน

-รถยนต์ Tesla มีการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวและทันสมัย พวกเขาถือเป็นรถยนต์ที่มีสไตล์ที่สุดในตลาด

-รถยนต์ Tesla ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด มาพร้อมคุณสมบัติมาตรฐาน เช่น ระบบอัตโนมัติ หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ และการอัพเดตแบบ over-the-air

-รถยนต์ Tesla มีราคาไม่แพงนัก ราคาเริ่มต้นของ Tesla Model 3 อยู่ที่ประมาณ 46,990 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเทียบได้กับราคาของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหลายๆ รุ่น

แน่นอนว่ารถยนต์ Tesla ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น บางรุ่นมีจำนวนจำกัดและมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าสูง อย่างไรก็ตาม ข้อดีของรถยนต์ Tesla มีมากกว่าข้อเสียสำหรับหลายๆ คน

นี่คือข้อดีเพิ่มเติมของรถยนต์ Tesla สมัยใหม่

1.รถยนต์ Tesla มีความปลอดภัยมาก พวกเขาได้รับคะแนนความปลอดภัยสูงอย่างต่อเนื่องจากองค์กรต่างๆ เช่น National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) และ Insurance Institute for Highway Safety (IIHS)

2.รถยนต์ Tesla ขับสนุก มีอัตราเร่งที่ทรงพลังและการขับขี่ที่ราบรื่น

3.รถยนต์ Tesla เชื่อมต่ออยู่ สามารถควบคุมและตรวจสอบได้จากแอพสมาร์ทโฟน

4.รถยนต์ Tesla ได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง Tesla เผยแพร่การอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านทางอากาศ ซึ่งสามารถเพิ่มคุณสมบัติใหม่และปรับปรุงประสิทธิภาพได้

โดยรวมแล้ว รถยนต์ Tesla สมัยใหม่มีข้อได้เปรียบเหนือรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินแบบดั้งเดิมหลายประการ มีประสิทธิภาพ สะอาดกว่า และปลอดภัยกว่า พวกเขายังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและมีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและขับขี่สนุก รถเทสลาคือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม

เทคโนโลยีใหม่ รถจักรยานไฟฟ้าดีอย่างไร

รถจักรยานไฟฟ้า (e-bikes) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และด้วยเหตุผลที่ดี ข้อได้เปรียบหลายประการเหนือกว่าจักรยานแบบดั้งเดิม 

1.พลังงานมากขึ้น จักรยานไฟฟ้ามีมอเตอร์ที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ขับขี่ ทำให้ขี่ขึ้นเขาได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นบนพื้นราบ นี่อาจเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับผู้ที่ไม่ฟิตหรือต้องการครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นในระยะเวลาอันสั้น

2.ช่วงมากขึ้น จักรยานไฟฟ้ามีแบตเตอรี่ที่จ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์ ซึ่งสามารถขยายระยะของจักรยานได้ เหมาะสำหรับการเดินทางหรือขี่ทางไกล

3.สะดวกยิ่งขึ้น จักรยานไฟฟ้ามักมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ขี่ได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น ไฟในตัว บังโคลน และแร็ค ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเดินทางหรือใช้ในชีวิตประจำวัน

4.เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จักรยานไฟฟ้าปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ซึ่งทำให้เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์

แต่ e-bikes ก็มีข้อเสียเช่นกัน เช่น

1.อาจมีราคาแพง จักรยานไฟฟ้าอาจมีราคาแพงกว่าจักรยานทั่วไป

2.อาจหนักกว่านั้น จักรยานไฟฟ้ามีมอเตอร์และแบตเตอรี่ ซึ่งทำให้หนักกว่าจักรยานทั่วไป

3.รถรักษาได้ยากขึ้น จักรยานไฟฟ้ามีส่วนประกอบมากกว่าจักรยานทั่วไป ซึ่งทำให้ดูแลรักษาได้ยากขึ้น

4.อาจจะตากฝนหรือลุยน้ำได้ไม่เต็มที่

โดยรวมแล้ว จักรยานไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธีเดินทางที่สะดวก ทรงพลัง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พวกเขาเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เดินทาง ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เป็นเนินเขา และผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแต่ไม่ต้องการทำงานหนักเหมือนกับการขี่จักรยานแบบดั้งเดิม

หากคุณกำลังพิจารณาซื้อรถจักรยานไฟฟ้า มีบางสิ่งที่คุณควรคำนึงถึง

-งบประมาณของคุณ จักรยานไฟฟ้ามีราคาตั้งแต่ไม่กี่พันบาทไปจนถึงหลายหมื่นบาทแล้วแต่ยี่ห้อและฟังชั่นที่คุณเลือก

-คุณจะใช้ e-bike เพื่ออะไร หากคุณวางแผนที่จะใช้จักรยานไฟฟ้าในการเดินทาง คุณจะต้องใช้จักรยานไฟฟ้าประเภทอื่นนอกเหนือจากที่คุณวางแผนจะใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ

-ระดับความฟิตของคุณคืออะไร? หากคุณไม่ฟิตมาก คุณอาจต้องการเลือกจักรยานไฟฟ้าที่มีกำลังขับต่ำ

-ภูมิประเทศที่คุณจะขี่เป็นอย่างไร? หากคุณวางแผนที่จะขี่บนเนินเขา คุณจะต้องมีจักรยานไฟฟ้าที่มีมอเตอร์ที่ทรงพลังกว่า

เมื่อคุณพิจารณาปัจจัยเหล่านี้แล้ว คุณสามารถเริ่มซื้อจักรยานไฟฟ้าได้ มีจักรยานไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยมมากมายในท้องตลาด ดังนั้นคุณควรหาจักรยานไฟฟ้าที่ตรงตามความต้องการและงบประมาณของคุณได้

เทคโนโลยีในสมัยปัจจุบัน ไปไกลแค่ไหนแล้ว

เทคโนโลยีสมัยใหม่มีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านต่างๆ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงานของเราในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง 

เทคโนโลยีสมัยใหม่

ปัญญาประดิษฐ์ (AI): AI มีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเรียนรู้ของเครื่องและอัลกอริทึมการเรียนรู้เชิงลึก ขับเคลื่อนแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น ผู้ช่วยเสียง ยานพาหนะอัตโนมัติ การประมวลผลภาษาธรรมชาติ และการจดจำรูปภาพ

Internet of Things (IoT): IoT ได้ขยายตัว เชื่อมต่อสิ่งของในชีวิตประจำวันเข้ากับอินเทอร์เน็ต บ้านอัจฉริยะ อุปกรณ์สวมใส่ และการใช้งานในอุตสาหกรรมได้รับประโยชน์จากอุปกรณ์เชื่อมต่อที่รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูล

วิทยาการหุ่นยนต์: วิทยาการหุ่นยนต์มีความก้าวหน้า โดยหุ่นยนต์มีความสามารถและหลากหลายมากขึ้น ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิต การดูแลสุขภาพ การเกษตร และการสำรวจอวกาศ หุ่นยนต์เพื่อการทำงานร่วมกัน (โคบอท) กำลังทำงานเคียงข้างมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ

Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR): เทคโนโลยี VR และ AR ได้รับการพัฒนา นำเสนอประสบการณ์ที่สมจริงในโดเมนต่างๆ พวกเขาพบแอปพลิเคชันในเกม ความบันเทิง การจำลองการฝึกอบรม สถาปัตยกรรม และการดูแลสุขภาพ

เทคโนโลยีชีวภาพและการแพทย์: ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพได้นำไปสู่ความก้าวหน้าในด้านต่างๆ เช่น การตัดต่อยีน (เช่น CRISPR) การแพทย์เฉพาะบุคคล เวชศาสตร์ฟื้นฟู และการพัฒนาวิธีการรักษาแบบใหม่

พลังงานหมุนเวียน: การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมีความก้าวหน้าอย่างมาก โซลูชันด้านประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และการจัดเก็บพลังงานที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นมีส่วนช่วยให้มีการนำแหล่งพลังงานที่สะอาดขึ้นมาใช้

5G และการเชื่อมต่อ: การใช้งานเครือข่าย 5G กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเชื่อถือได้มากขึ้น ซึ่งช่วยให้ถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วขึ้น รองรับ IoT และอำนวยความสะดวกในเทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น ยานยนต์ไร้คนขับและการผ่าตัดจากระยะไกล

Quantum Computing: Quantum Computing มีความก้าวหน้าแม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นก็ตาม คอมพิวเตอร์ควอนตัมมีศักยภาพในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมแบบทวีคูณ ด้วยแอปพลิเคชันในการเข้ารหัส การเพิ่มประสิทธิภาพ และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

การสำรวจอวกาศ: มีความก้าวหน้าที่โดดเด่นในการสำรวจอวกาศ โดยประสบความสำเร็จในการลงจอดของหุ่นยนต์โรเวอร์บนดาวอังคาร แผนสำหรับภารกิจที่มีลูกเรือไปดวงจันทร์และดาวอังคาร และการพัฒนาจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยบริษัทอวกาศเอกชน

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าเทคโนโลยียังคงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และตัวอย่างเหล่านี้แสดงถึงภาพรวมของความก้าวหน้าในการอัปเดตความรู้ครั้งล่าสุดของฉันในเดือนกันยายน 2021 สาขาเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และความก้าวหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

4 เทคโนโลยีเพื่อการขายที่คนทำธุรกิจต้องรู้จัก รับรองประโยชน์เพียบ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีที่ก้าวไกลมีส่วนอย่างยิ่งในการทำให้ชีวิตคนเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จนทำให้เทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิต ไม่เว้นแม้กระทั่งการค้าขายที่ปัจจุบันได้เทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยทำให้การขายสินค้าง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าแบบมีหน้าร้านหรือการขายสินค้าแบบออนไลน์ และสำหรับใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจลองมาดูกันว่าจะมีเทคโนโลยีอะไรบ้างที่ต้องทำความรู้จัก เพราะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการค้าขาย

4 เทคโนโลยีเพื่อการขาย คนทำธุรกิจต้องรู้จัก

1. แพลตฟอร์มการขาย

ปัจจุบันการขายสินค้าและบริการไม่ได้พึ่งพาเฉพาะหน้าร้านเท่านั้น เพราะปัจจุบันคนเราหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น หลายธุรกิจที่มีหน้าร้านจึงหันมาขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยปัจจุบันมีหลายแพลตฟอร์มที่รองรับการขายสินค้าออนไลน์ให้ง่ายขึ้น เช่น Lazada, Shopee หากเป็นแบรนด์ใหญ่ก็มีเว็บไซต์ขายของออนไลน์เป็นของตัวเอง เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่ไม่สะดวกมาเลือกสินค้าหน้าร้าน

2. Chatbot

เพราะการขายสินค้าออนไลน์ ลูกค้าจะไม่ได้เห็นสินค้าจริง เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อลูกค้ามักมีคำถามมากมาย และเพื่อประหยัดเวลาพนักงานในการนั่งตอบคำถาม ปัจจุบันได้มีเทคโนโลยี Chatbot คอยตอบคำถามแบบอัตโนมัติ โดยเจ้าของธุรกิจควรรวบรวมคำถามที่พบบ่อยเพื่อให้ระบบตอบกลับอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้เสียเวลา สามารถเอาเวลาที่ต้องตอบคำถามลูกค้าไปพัฒนางานด้านอื่น ๆ ได้

3. ช่องทางชำระเงินออนไลน์ (Online Payment Gateway)

ไม่เพียงแต่การมีแพลตฟอร์มซื้อขายที่ทันสมัยและสะดวกสบายเท่านั้น เพราะขั้นตอนการชำระเงินก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยช่องทางชำระเงินที่ถูกใจผู้บริโภคคือต้องใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน ที่สำคัญยังต้องปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจทุกครั้งที่เลือกซื้อสินค้าและบริการ

4. Big Data

Big Data หรือคลังข้อมูลขนาดใหญ่ของลูกค้าที่มีประโยชน์อย่างมากในอนาคต เพราะเป็นคลังที่รวบรวมข้อมูลลูกค้าเอาไว้ เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ฯลฯ ประโยชน์ของการมีคลังข้อมูลเหล่านี้ก็เพื่อประโยชน์ด้านการตลาด หากในอนาคตมีรายการส่งเสริมการขายใดที่เหมาะกับลูกค้ากลุ่มนี้ ก็สามารถแจ้งข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางที่ลูกค้าเคยให้ข้อมูลไว้ ยกตัวอย่าง หากลูกค้าเคยซื้อเครื่องสำอางแบรนด์เกาหลี เมื่อร้านค้ามีการทำโปรโมชั่นลดราคาครีมเกาหลีก็สามารถส่งข้อความแจ้งลูกค้าได้โดยตรง เพิ่มโอกาสการกลับมาซื้อได้เป็นอย่างดี

นอกจากการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการค้าขายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือคุณภาพของสินค้าและบริการ เพราะคุณภาพสินค้ามีส่วนอย่างมากในการทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าซ้ำและสร้างความจงรักภักดีต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพียงเท่านี้เชื่อว่าการขายสินค้าจะประสบความสำเร็จมากขึ้นและยังมีลูกค้าใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

จักรยานน้ำ ฟิตแอนด์ฟันสไตล์คนเจน Z

สุขภาพดีนั้นเป็นสิ่งที่ซื้อหาไม่ได้ แต่คุณจะได้มาด้วยการดูแลสุขภาพ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ได้มีแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายมากมายนัก หรือเป็นคนที่ไม่ชอบไปยิม หรือไม่สะดวกใจที่จะไปฟิตเนสล่ะ จะทำอย่างไรดี เราขอบอกว่า คุณอย่าเพิ่งท้อแท้ไปเลย การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่คุณรู้ไหมว่า ก็ยังมีหลายหลากวิธีการออกกำลังกายให้คุณเลือกได้เช่นกันนะ ตัวอย่างเช่น การออกไปเดินไปจ็อกกิ้งในที่โล่ง ๆ หรือในสวนสาธารณะ ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ นอกเหนือจะได้ความเพลิดเพลินจากธรรมชาติแล้ว ก็ยังได้ถือโอกาสผ่อนคลายไปกับอากาศบริสุทธิ์ ดีกว่าอุดอู้อยู่ในห้อง ในพื้นที่ปิดอีกด้วย และวันนี้เราก็มีแนวทางออกกำลังกายแบบใหม่ ๆ ที่เป็นกิจกรรมการเวิร์คเอาต์ที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะคุณจะได้เปิดประสบการณ์สุดพิเศษ สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย แถมยังเป็นเทรนด์ใหม่ของ ฟิตแอนด์ฟัน สไตล์คนเจน Z ด้วยนะ

จักรยานน้ำ ฟิตแอนด์ฟันสไตล์คนเจน Z

ลองนึกแทนที่ภาพของการขี่จักรยานธรรมดา ๆ ลดหลั่นไปตามเนินเขา แต่คุณปั่นจักรยานน้ำไปบนผืนน้ำ และมองตรงไปในความสวยงามของเวิ้งอ้าวในทะเลสาบ ซึ่งตระการตาไปด้วยแสงระยิบระยับยามพระอาทิตย์กำลังจะโผล่ขึ้นพ้นผิวน้ำในยามเช้าตรู่ดูสิ ใช่แล้ว ยอดเยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ และนี่ก็คือการปั่นจักรยานน้ำ ในแหล่งน้ำธรรมชาติที่แสนงดงามนั่นเอง

วิธีใหม่ในการเพลิดเพลินกับกีฬาทางน้ำ!

ไม่ว่าคุณจะปั่นจักรยานน้ำเพื่อเวิร์คเอาท์แบบเต็มกำลัง หรือแค่ปั่นแผ่ว ๆ ชิล ๆ พักผ่อนสบาย ๆ บนผิวน้ำ คุณก็จะเพลิดเพลินได้อย่างไม่มีสิ้นสุด เพราะจักรยานน้ำเป็นกีฬาทางน้ำที่ผสมผสานความแข็งแกร่งของร่างกายมนุษย์ กับความครีเอตในการหลีกหนีจากความซ้ำซากจำเจของการปั่นจักรยานแบบเดิม ๆ จนกลายเป็นเทรนด์กีฬาทางน้ำแบบใหม่ 

กำลังส่งจากแรงถีบของผู้ปั่นจักรยานน้ำ จะขับเคลื่อนใบพัดที่อยู่ติดกับทุ่นด้านล่าง และทำให้จักรยานน้ำเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันก็สามารถลอยตัวอยู่นิ่ง ๆ เหนือผิวน้ำ ให้ผู้ขี่ได้พักเหนื่อยได้อย่างปลอดภัย และยังสนุกกว่าการปั่นจักรยานแบบเดิม ๆ หรือปั่นจักรยานบนลู่ในฟิตเนสอีกด้วยนะ

ลองสัมผัสกับประสบการณ์การผจญภัยเล็ก ๆ กับกิจกรรมกีฬาทางน้ำแบบตื่นเต้นเบา ๆ และไม่เหมือนใคร ด้วยการปั่นจักรยานน้ำ พร้อมกับเพลิดเพลินกับธรรมชาติด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แถมยังราคาไม่แพงอีกด้วย ขอเพียงแค่คุณว่ายน้ำเป็นเท่านั้น เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อีโคเฟรนด์ลี่ขนาดนี้เห็นทีว่าไม่ลองคงไม่ได้แล้วสินะ

ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีสุดล้ำเพื่อความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัย

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ทุกคนใช้ชีวิตง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะเทคโนโลยีสำหรับบ้าน ของใช้ต่าง ๆ ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคุณให้เหนือกว่า เช่นนั้นตามไปดูเทคโนโลยีสุดล้ำที่เหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัยกันได้เลย 

  1. เครื่องชาร์ตแบบไร้สายที่มาในรูปแบบของเคาเตอร์ครัว โต๊ะเอนกประสงค์ ซึ่งช่วยให้สมาชิกในครอบครัวสามารถชาร์ตแบตเตอรี่ได้ง่ายกว่าที่เคยโดยไม่ต้องมีสายชาร์จและสายไฟแบบปลั๊กพ่วงเพื่อให้ใช้งานหลาย ๆ การชาร์จได้พร้อมกัน ช่วยให้ไม่ดูรกตา แถมยังประหยัดเวลาได้มากทีเดียว เหมาะกับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่สุด ๆ
  1. เทคโนโลยีจากเครื่องพับผ้าอัตโนมัติ แม้ว่าจะมีเครื่องซักผ้า อบผ้า ให้ผ้าแห้งแบบไม่ต้องเปลืองแรงตากแล้ว แต่การพับผ้าให้เรียบร้อย เป็นระเบียบก็เป็นปัญหาของใครหลาย ๆ คน เนื่องด้วยมีผ้าจำนวนมากและต้องการพับผ้าออกมาให้สวยงามทุกชิ้นเพื่อให้สามารถจัดเก็บได้ง่าย เทคโนโลยีนี้จึงเป็นเทคโนโลยีที่โดนใจคุณแม่บ้านสุด ๆ ช่วยประหยัดเวลา ทำให้มีเวลาเหลือสำหรับงานบ้านอื่น ๆ 
  1. เทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่มีการควบคุมการทำงานและสั่งการได้ผ่านแอปพลิเคชันได้ง่าย ๆ บนสมาร์ทโฟนหรือโทรศัพท์มือถือนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน การเปิด-ไฟตามทางเดินจุดต่าง ๆ ภายในบ้าน รวมทั้งหน้าต่าง ประตู กล้องวงจรปิด การปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศและอื่น ๆ อีกมากมาย บอกเลยว่าตอบโจทย์สมาชิกในครอบครัวทุกคน 
  1. เทคโนโลยีตรวจจับอัจฉริยะ ตรวจจับการเคลื่อนไหวเมื่อมีการเคลื่อนไหวอยู่ในระยะที่สามารถตรวจจับได้ ข้อดีคือช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราต้องการที่จะลุกเข้าห้องน้ำหรือลงบันไดบ้านในตอนกลางคืน ก็ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินเปิดไฟ เมื่อเดินผ่านตัวตรวจจับไฟก็จะมีการเปิดแบบอัตโนมัติ และเมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวไฟก็จะมีการปิดเอง ทำให้ช่วยประหยัดค่าไฟได้มากขึ้นในแต่ละเดือน 
  1. เทคโนโลยีกระจกอัจฉริยะ ที่เป็นมากกว่ากระจกทั่วไป มีฟังก์ชันต่าง ๆ คล้ายกับคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊กและโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเมื่อใช้งานกระจกอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้า แปรงฟัน การแต่งหน้า ก็สามารถเช็กข้อมูล ฟังเพลง เช็คสภาพอากาศ รับชมวิดีโอหรือแม้แต่พูดคุยโทรศัพท์ไปพร้อม ๆ กัน ด้วยที่มีการเชื่อมต่อผ่านระบบต่าง ๆ ผ่านกระจกอัจฉริยะที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย เหมาะกับวิถีชีวิตคนเมืองสุด ๆ 

บอกเลยว่าทั้ง 5 เทคโนโลยีสำหรับบ้านที่เหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัยข้างต้นที่นำมาฝากกันนั้น สามารถใช้งานได้จริง เพิ่มความสะดวกสบาย มีความคุ้มค่า ทันสมัย ทำให้ผู้ใช้งานมีเวลาเหลือสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย เติมเต็มความสุขให้กับการอยู่อาศัยภายในบ้านได้อย่างเต็มที่

รวมเทคโนโลยีความปลอดภัยสำหรับบ้านและคอนโดที่ดีต่อใจผู้อยู่อาศัย

การอยู่อาศัยภายในที่พักอาศัยเรื่องของความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ลูกบ้านหรือเจ้าของบ้านควรให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก เนื่องด้วยมีความเสี่ยงต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินแบบที่ตัวของเราเองก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ดังนั้นในวันนี้จะพาทุกคนไปพบกับเทคโนโลยีความปลอดภัยสำหรับบ้านและคอนโดที่ดีต่อใจ มีความคุ้มค่าสำหรับผู้พักอาศัยทุกคน

  • กลอนประตูดิจิทัล เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เริ่มมีการนำไปใช้กันแพร่หลายมากขึ้น ข้อดีของการมีกลอนประตูดิจิทัลคือ เจ้าของบ้านหรือคอนโดสามารถที่จะเข้าออกบ้านหรือคอนโดได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นในกรณีที่มีการลืมกุญแจก็สามารถสแกนลายนิ้วมือหรือกดรหัสผ่านประตูเพื่อเข้าออกห้องได้ โจรผู้ร้ายที่คิดว่าจะมางัดแงะประตูหรือสะเดาะกลอนประตูก็จะเป็นเรื่องยาก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้พักอาศัยอีกทางหนึ่ง ซึ่งทั้งนี้ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่มีการงัดแงะขึ้นมาจริง ๆ ก็จะมีการร้องแจ้งเตือนจากตัวเครื่องที่ติดตั้งด้วย บอกเลยว่าสารพัดประโยชน์จริง ๆ
  • ระบบวิดีโอดอร์โฟน หรือระบบที่สามารถเห็นหน้าของผู้ที่มาหา ที่มีการยืนอยู่ภายนอกประตู โดยที่ผู้ที่พักอาศัยอยู่บริเวณด้านในยังไม่ต้องเปิดประตู ประโยชน์ของเทคโนโลยีรูปแบบนี้คือ ทำให้สามารถเช็คได้ว่าใครที่มาติดต่อ เรียกหา เพื่อเช็คความมั่นใจว่าเป็นคนที่รู้จักหรือไม่มีความเสี่ยงถ้าหากว่ามีการเปิดประตูออกไปเพื่อพูดคุยหรือรับสิ่งของต่าง ๆ และถ้าต้องการได้ยินเสียงเพื่อสอบถามถึงจุดประสงค์ที่ต้องการมาพบก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่ามีความสะดวกสบายและปลอดภัย
  • เครื่องตรวจจับควันเป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่มักจะพบเห็นได้ตามที่อยู่อาศัยประเภทคอนโด ถ้าหากมีปริมาณควันที่เยอะมากจนเกินไปจะทำให้ เครื่องตรวจจับควันมีการแจ้งเตือนขึ้นมา ช่วยในการป้องกันเหตุร้ายแรงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ 
  • ระบบการออกคำสั่งผ่านเสียง ระบบ smart home ที่สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการให้มีการเปิดหรือปิดไฟฟ้าภายในบ้าน การเปิด-ปิดแอร์รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่มีการเชื่อมต่อกับระบบ smart home มีความง่าย รวดเร็วทันใจ ช่วยลดโอกาสในการลืมปิดอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านได้ดี

การดูแลความปลอดภัยภายในบ้านสามารถทำได้หลากหลายวิธี หนึ่งในนั้นก็คือการนำเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์สำหรับบ้านชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายที่มากกว่าเดิมแล้วก็ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างความอุ่นใจในการอยู่อาศัยได้อีกด้วย

รวมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบของทุกคน

ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้อีกต่อไปว่าไม่มีเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน แต่การพัฒนาของเทคโนโลยียังก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดยั้ง ด้วยการสนับสนุนจากทั้งรัฐบาลโลกและกลุ่มนักวิจัยรุ่นใหม่ ๆ จึงทำให้ในอนาคตมนุษย์ทุกคนบนโลกจะมีโอกาสได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่มีความล้ำสมัยและซับซ้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก เทคโนโลยีที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่ต่างมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้น สามารถแก้ปัญหาหลายอย่างที่มนุษย์กำลังเผชิญหน้าอยู่ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกของมนุษย์ทุกคนด้วยกัน

  1. เทคโนโลยีควอนตัม

เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการอาศัยความสามารถของสนามแม่เหล็กไฟฟ้ามาใช้ในการประมวลผลข้อมูล ซึ่งจะส่งผลให้การประมวลผลข้อมูลจำนวนมากสามารถทำได้เร็วขึ้นหลายเท่าตัว และยังคงมีความแม่นยำสูง ดังนั้นเทคโนโลยีนี้สามารถนำเข้ามาจัดการปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น การจัดการการขนส่งโลจิสติกส์ การจัดการเที่ยวบิน การจัดการระบบการเงิน ได้เป็นอย่างดี

  1. ระบบปัญญาประดิษฐ์

หลายคนคงคุ้นเคยกับเทคโนโลยีนี้ในชื่อ AI ที่ย่อมาจาก Artificial Intelligence ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่ประกอบไปด้วยระบบประมวลผลที่มนุษย์สร้างขึ้น มีความสามารถในการทำความเข้าใจ วิเคราะห์ แก้ไขปัญหา เหมือนสมองของมนุษย์ แต่ AI จะตัดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้อารมณ์ของมนุษย์ออกไป โดยในปัจจุบันเราเห็น AI ได้ในระบบการแนะนำสินค้าที่สามารถเลือกมาได้ใกล้เคียงกับความต้องการของผู้ใช้งาน เป็นต้น แต่ในอนาคต AI จะก้าวเข้ามามีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในสังคมโลกอย่างแน่นอน

  1. กายจำลองทดสอบยา

การจะปล่อยยารักษาโรคหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในวงการแพทย์ จำเป็นต้องมีการทดสอบผลลัพธ์การรักษา และผลข้างเคียงก่อนจะถูกนำมาใช้ในมนุษย์ แต่การทดสอบในสัตว์มีข้อจำกัดหลายอย่างที่อาจไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ที่แท้จริงของยาออกมาได้ ดังนั้นจึงมีการเพาะเลี้ยงกายจำลองที่มีโครงสร้างทางชีววิทยาเหมือนมนุษย์ มีลักษณะเป็นร่างกายเทียมขนาดเล็ก โดยจะถูกนำมาใช้ทดสอบยาเหล่านี้แทน สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคต่าง ๆ ให้มนุษย์มากขึ้น และแก้ปัญหาข้อจำกัดทางมนุษยธรรมไปได้หลายประการ

  1. อินเทอร์เน็ต 6G 

เป็นระบบอินเทอร์เน็ตที่คาดการณ์ว่าจะมีความเร็วกว่า 5G ประมาณ 100 เท่า ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้การทำงานทางไกล หรือการติดต่อสื่อสารทางไกลทำได้เสถียรขึ้น นอกจากนั้นระบบเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตจะทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย อาจส่งเสริมเทคโนโลยีทางการรักษา เช่น การผ่าตัดทางไกลอย่างแม่นยำ เป็นต้น

ทั้ง 4 เทคโนโลยีที่นำมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันในวันนี้ นับเป็นพื้นฐานเทคโนโลยีที่จะถูกนำไปต่อยอดในหลายด้าน ทั้งวงการการศึกษา การแพทย์ อุตสาหกรรม และการอนุรักษ์ ที่มีความน่าสนใจ และมีโอกาสสูงมากที่จะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของสังคมโลก ดังนั้นพวกเราทุกคนในฐานะพลเมืองของโลก ควรเริ่มทำความรู้จักและเปิดรับเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้เข้ามาให้มากขึ้น เพื่อการปรับตัวที่รวดเร็วและง่ายดายในอนาคต 

รวมเทคโนโลยีความปลอดภัยสำหรับบ้านและคอนโดที่ดีต่อใจผู้อยู่อาศัย

การอยู่อาศัยภายในที่พักอาศัยเรื่องของความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ลูกบ้านหรือเจ้าของบ้านควรให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก เนื่องด้วยมีความเสี่ยงต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินแบบที่ตัวของเราเองก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ดังนั้นในวันนี้จะพาทุกคนไปพบกับเทคโนโลยีความปลอดภัยสำหรับบ้านและคอนโดที่ดีต่อใจ มีความคุ้มค่าสำหรับผู้พักอาศัยทุกคน

  • กลอนประตูดิจิทัล เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เริ่มมีการนำไปใช้กันแพร่หลายมากขึ้น ข้อดีของการมีกลอนประตูดิจิทัลคือ เจ้าของบ้านหรือคอนโดสามารถที่จะเข้าออกบ้านหรือคอนโดได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นในกรณีที่มีการลืมกุญแจก็สามารถสแกนลายนิ้วมือหรือกดรหัสผ่านประตูเพื่อเข้าออกห้องได้ โจรผู้ร้ายที่คิดว่าจะมางัดแงะประตูหรือสะเดาะกลอนประตูก็จะเป็นเรื่องยาก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้พักอาศัยอีกทางหนึ่ง ซึ่งทั้งนี้ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่มีการงัดแงะขึ้นมาจริง ๆ ก็จะมีการร้องแจ้งเตือนจากตัวเครื่องที่ติดตั้งด้วย บอกเลยว่าสารพัดประโยชน์จริง ๆ
  • ระบบวิดีโอดอร์โฟน หรือระบบที่สามารถเห็นหน้าของผู้ที่มาหา ที่มีการยืนอยู่ภายนอกประตู โดยที่ผู้ที่พักอาศัยอยู่บริเวณด้านในยังไม่ต้องเปิดประตู ประโยชน์ของเทคโนโลยีรูปแบบนี้คือ ทำให้สามารถเช็คได้ว่าใครที่มาติดต่อ เรียกหา เพื่อเช็คความมั่นใจว่าเป็นคนที่รู้จักหรือไม่มีความเสี่ยงถ้าหากว่ามีการเปิดประตูออกไปเพื่อพูดคุยหรือรับสิ่งของต่าง ๆ และถ้าต้องการได้ยินเสียงเพื่อสอบถามถึงจุดประสงค์ที่ต้องการมาพบก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่ามีความสะดวกสบายและปลอดภัย
  • เครื่องตรวจจับควันเป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่มักจะพบเห็นได้ตามที่อยู่อาศัยประเภทคอนโด ถ้าหากมีปริมาณควันที่เยอะมากจนเกินไปจะทำให้ เครื่องตรวจจับควันมีการแจ้งเตือนขึ้นมา ช่วยในการป้องกันเหตุร้ายแรงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ 
  • ระบบการออกคำสั่งผ่านเสียง ระบบ smart home ที่สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการให้มีการเปิดหรือปิดไฟฟ้าภายในบ้าน การเปิด-ปิดแอร์รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่มีการเชื่อมต่อกับระบบ smart home มีความง่าย รวดเร็วทันใจ ช่วยลดโอกาสในการลืมปิดอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านได้ดี

การดูแลความปลอดภัยภายในบ้านสามารถทำได้หลากหลายวิธี หนึ่งในนั้นก็คือการนำเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์สำหรับบ้านชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่นเดียวกันกับเทคโนโลยีกีฬาออนไลน์ก้าวกระโดดไกลไปมากจากอดีต เช่นเราอยากดูผลบอลสด888เราก็สามารถค้นหาในgoogleได้ นอกจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายที่มากกว่าเดิมแล้วก็ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างความอุ่นใจในการอยู่อาศัยได้อีกด้วย

มารู้จักเทคโนโลยี AI แบบเข้าใจง่าย

มารู้จักเทคโนโลยี AI แบบเข้าใจง่าย

จอห์น แมคคาร์ธี (John McCarthy) เป็นผู้บัญญัติคำว่า AI ที่ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์ เมื่อปี พ.ศ. 2499 โดยให้นิยามว่า “วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ที่สร้างความฉลาดให้กับเครื่องจักร”

AI เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องจักรมีความฉลาด สามารถคิด ตัดสินใจ และเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง AI ทำงานได้โดยการนำเข้าชุดของข้อมูลและเงื่อนไขเพื่อประมวลผลและสร้างผลลัพธ์ที่ต้องการนำมาใช้ประโยชน์ วัตถุประสงค์ของ AI คือการช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของมนุษย์ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความซับซ้อน และช่วยให้มนุษย์ตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น

AI แบ่งเป็น 3 ระดับตามความสามารถในการทำงาน ได้แก่

1. ปัญญาประดิษฐ์เชิงแคบ (Artificial Narrow Intelligence; ANI) หรือเรียกว่า Weak AI เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่เราใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน เป็น AI ที่มีความสามารถเฉพาะทาง หรือจัดการได้เรื่องเดียว เช่น Siri ที่สามารถตอบคำถามง่าย ๆ ได้ Grammarly ที่ช่วยตรวจสอบคำและไวยากรณ์ Google ที่ใช้ค้นหาข้อมูล Netflix ที่แนะนำหนังหรือละครที่น่าสนใจ Grab ที่ใช้เรียกรถ เป็นต้น

2. ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial general intelligence; AGI) เป็น General AI เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเข้าใจเหตุผล สามารถคิดเองได้ วางแผนได้ และจัดการเรื่องที่มีความซับซ้อนได้ AGI จะใช้การทำงานของ ANI หลาย ๆ ตัวรวมกันเพื่อช่วยให้เหตุผลที่สอดคล้องสัมพันธ์กัน

3. ปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง (Artificial Super Intelligence; ASI) เป็น Strong AI นำเอา AGI หลาย ๆ ตัวมาทำงานร่วมกัน เพื่อให้มีความฉลาดเหนือมนุษย์ สามารถคิดคำนวณได้รวดเร็ว ตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผล และมีความรู้สึกนึกคิดด้วย

ปัจจุบัน AI ยังอยู่ในระดับ Weak AI คือ ANI ส่วน AGI และ ASI ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง

เทคโนโลยีสร้างความฉลาดของ AI ดังนี้

1. AI: Artificial Intelligence สามารถแก้ไขปัญหาจากชุดข้อมูลหรือชุดคำสั่งที่สร้างไว้ได้สำเร็จ

2. ML: Machine Learning เป็นกระบวนการที่ทำให้เครื่องจักรได้เรียนรู้ด้วยตัวเองโดยการใช้ข้อมูลจำนวนมากเพื่อให้เครื่องจักรทำความเข้าใจ ประมวลผล และตัดสินใจด้วยตัวเอง

3. DL: Deep Learning เป็นการเรียนรู้เชิงลึกโดยการเลียนแบบเครือข่ายประสาทของมนุษย์ มีการประมวลผลแบบขนานต่อกันหลาย ๆ ชั้น ต่อเนื่องกัน ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากหรือประมวลข้อมูลหลายส่วนพร้อม ๆ กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถึงแม้ AI จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสร้างความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจนเกิดความกังวลว่าอาจมาแทนที่มนุษย์ได้นั้นเป็นเรื่องของอนาคต เนื่องจากปัจจุบัน AI ยังอยู่ในระดับ Weak AI อย่างไรก็ตาม ยังมีงานที่ AI ยังไม่สามารถเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ได้ ตัวอย่างเช่น งานด้านความคิดสร้างสรรค์ที่มนุษย์มีความสามารถในการคิดได้หลากหลายรูปแบบจากสมองที่ความซับซ้อนมากกว่า AI งานตัดสินใจจากข้อมูลที่ AI ประมวลผลออกมาแล้ว และงานที่ติดต่อสัมพันธ์กับมนุษย์ ที่จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นและปรับให้เหมาะกับคนแต่ละคน เราจึงควรศึกษาเพื่อพัฒนาความสามารถในส่วนที่ AI ไม่สามารถเข้ามาทำแทนมนุษย์ได้และอยู่รอดได้ในโลกอนาคต